วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การอนูรักษ์ภูมิปัญญาไทย

ประเทศไทยได้มีการนำสมุนไพรมาใช้ในการบำบัดรักษาความเจ็บป่วยมาแต่โบราณกาลซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้คนในสมัยก่อนสามารถดำรงอยู่ได้ แม้จะไม่มียาแผนปัจจุบันใช้เลยก็ตาม ความรู้ในการใช้สมุนไพรได้สั่งสมต่อเนื่องกันมาช้านานในลักษณะของภูมิปัญญาไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งมีความแตกต่างกันไปบ้างในแต่ละภูมิภาค  จนกระทั่งมาถึงช่วงที่ประเทศไทยได้นำการแพทย์แบบตะวันตกเข้ามาใช้เมื่อประมาณร่วมร้อยปีมาแล้ว  ภูมิปัญญาด้านสมุนไพรของไทยก็ได้ถูกละเลยและถูกกลืนโดยการแพทย์แบบตะวันตกหรือที่เรียกกันว่า การแพทย์แผนปัจจุบันจนทำให้ถูกมองว่า  การใช้ยาสมุนไพรเป็นเรื่องไม่ทันสมัยซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าทำให้ความรู้ในส่วนนี้หยุดการพัฒนาไปเป็นเวลานาน 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงตระหนักในคุณค่าของภูมิปัญญาไทยในทุกๆด้านรวมทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และงานฝีมือต่างๆ  ซึ่งมีหน่วยงานศูนย์ศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถรองรับในการอนุรักษ์ เผยแพร่และขยายผลจนทำให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆมีรายได้ดีและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นวิธีการที่พระองค์ทรงใช้ในการพัฒนานั้น  ทรงใช้คำว่า "ระเบิดจากข้างใน"  กล่าวคือเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนก่อนแล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอก มิใช่การเอาความเจริญหรือบุคคลจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชนที่ยังไม่ทันได้มีโอกาสตั้งตัว ซึ่งแนวคิดเช่นนี้น่าจะแสดงให้เห็นว่า ไม่ทรงปรารถนาให้สังคมภายนอกเข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือทำลายสิ่งดีๆ ที่มีอยู่แต่เดิมในชุมชนนั้นซึ่งหมายรวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้สั่งสมกันมาช้านานด้วย 
ในเรื่องที่เกี่ยวกับภูมิปัญญาไทยในการใช้สมุนไพรนั้น พระองค์ทรงตระหนักอย่าง  ชัดเจน  หลักฐานที่ยืนยันในเรื่องนี้ นอกเหนือจากที่ได้ทรงสนับสนุนการจัดทำสวนป่าสมุนไพรอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้เป็นที่ศึกษาวิจัยให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางแล้ว  ยังได้มีพระราชกระแสรับสั่งกับบุคคลที่เกี่ยวข้องบางท่าน  เช่น นายแพทย์นพรัตน์  บุลยเลิศ    ให้ศึกษาค้นคว้าวิธีรักษาโรคมะเร็งโดยใช้สมุนไพรไทย นอกจากนี้เมื่อเดือนมกราคม  2541  พระองค์ยังได้พระราชทานคำแนะนำแก่คณะวิจัยของสถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม  ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าเพื่อถวายรายงานโครงการรักษาผู้ป่วยเอดส์ โดยใช้สมุนไพร  ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  ดังนี้
  • การวิจัยต้องร่วมมือกันทั้งบุคคล  หน่วยงาน  และองค์กรต่างๆ  งานวิจัยก็จะบังเกิดผลสำเร็จเป็นผลดีแก่ประเทศชาติ
  • ให้ร่วมมือกับมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในการแก้ไขบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์   ครอบครัว รวมทั้งเด็กกำพร้า ในแนวทางซึ่งมูลนิธิฯ เคยดำเนินการแก้ไขปัญหาโรคเรื้อนมาแล้วและร่วมกับโครงการส่วนพระองค์  สวนจิตรลดา  ในการผลิตสารสกัดสมุนไพรและการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสมุนไพรที่ใช้ในตำรับ
  • สมุนไพรที่นำมาใช้ในการรักษาโรคเอดส์  ไม่จำเป็นต้องบอกเฉพาะรักษาโรคเอดส์ หากบอกมีสรรพคุณรักษาโรคอื่นๆ  ได้ก็ดียิ่งขึ้น เพื่อผู้นำไปใช้จะได้ใช้อย่างกว้างขวาง
  • ส่วนผสมของสมุนไพรก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย เพราะหากประชาชนไม่เข้าใจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
  • สมุนไพรที่นำมาใช้แต่ละอย่างบอกชนิด คุณประโยชน์แบบกว้างๆ ก็จะดีประชาชนจะได้ช่วยกันรักษาต้นไม้ หรือชนิดของสมุนไพรนั้นๆ ไม่ไปตัดโค่นทำลาย
  • บางหมู่บ้านประชาชนเป็น   thalassemia    กันมาก  ให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาให้การศึกษาแก่ประชาชนให้เข้าใจ  หรือวิจัยให้เม็ดเลือดแดงมีการทำลายน้อยลง  อาจใช้สมุนไพรเป็นตัวยับยั้ง (antioxidant)  หรือหายาขับเหล็ก  เพื่อให้ชีวิตยาวขึ้น
  • คณะวิจัยให้ชื่อว่า คณะวิจัยสมุนไพร หรือส่งเสริมการวิจัยสมุนไพร หากชื่อคณะวิจัยโรคเอดส์ประชาชนจะรู้สึกน่ากลัว
  • หากบอกว่าโรคเอดส์รักษาหายได้ประชาชนก็จะป้องกันตัวเองน้อยลงไป
  • ให้สนใจพัฒนาการวิจัยสมุนไพรให้มากๆ เพราะเป็นภูมิปัญญาของเราเองโดยให้ใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะเรามีทุนทรัพย์น้อย
  • พระราชทานให้กำลังใจและขอบใจต่อคณะวิจัย และพระราชทานพรขอให้ทำงานประสบผลสำเร็จ
พระราชกระแสรับสั่งดังกล่าว  แสดงให้เห็นถึงความสนพระราชหฤทัยและพระปรีชาในเรื่องของสมุนไพร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความที่ปรากฎในข้อ 9  เป็นสิ่งบ่งบอกอย่างชัดแจ้งถึงการที่ทรงตระหนักในคุณค่าของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยเรื่องการใช้สมุนไพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น